กรมวิชาการเกษตรรุกวิจัยพัฒนากระท่อม

 นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดี กรมวิชาการเกษตร  ลงพื้นที่สงขลา เดินทางไปเยี่ยมเกษตรกรและผู้ประกอบการเพาะกล้ากระท่อม ที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อ 21 เมษายน 2565 เพื่อรับฟังสถานการณ์การปลูกและการเพาะกล้ากระท่อม โดยได้รับรายงานจากเกษตรกรว่า ในช่วงแรกหลังจากการปลดล๊อกกระท่อมออกจากกฎหมายยาเสพติด ความต้องการต้นกล้ากระท่อมมีสูงมาก สามารถจำหน่ายได้ราคา 200-300 บาทต่อต้น แต่ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการเพาะกล้ามากขึ้น ทำให้ราคาลดลงตามกลไกการตลาด ต้นกล้าเพาะเมล็ดอายุ 4 เดือน ราคาจะขายได้ประมาณต้นละ 40 บาท

สำหรับแปลงเพาะกล้าของผู้ประกอบการอำเภอนาทวี มีการเพาะกล้าประมาณ  7 แสนต้น โดยลูกค้าจะเป็นบริษัทเอกชนที่ประกอบการธุรกิจกระท่อม  เกษตรกรรายใหญ่ และลูกค้าเกษตรกรทั่วไป ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อมมีความต้องการคำแนะนำทางวิชาการ เช่น พันธุ์ และวิธีการจัดการที่เหมาะสม เพื่อนำมาใช้ในการผลิตให้ได้ผลผลิตตามที่ตลาดต้องการ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพืชสมุนไพร โดยเฉพาะกัญชา กัญชง กระท่อม ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ และ ได้มอบหมายให้สวพ.1-8 และหน่วยงานของกรมทำการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกระท่อมต่อไป

อย่างไรก็ตามการวิจัยบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งจะไม่ทันการต่อความต้องการเทคโนโลยีของเกษตรกร กรมฯจึงได้มอบหมายให้นักวิจัย สวพ.8 ทำการศึกษา  วิเคราะห์อภิมาน (meta-analysis) ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ก่อน เพื่อจะได้เป็นคำแนะนำเบื้องต้นแก่เกษตรกร

ในส่วนงานที่ สวพ.8 ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ  การสำรวจรวบรวมพันธุ์ ดำเนินการที่ ศวพ.ยะลา รวบรวม แล้วจากจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง ยะลา  การศึกษาเทคโนโลยี ดำเนินการที่ ศวพ.สงขลา การจัดทำแปลงต้นแบบ ที่ศวพ.ตรัง ศวพ.สตูล ศวพ.พัทลุง ศวพ.ปัตตานี ศวพ.รือเสาะ ศวพ. นราธิวาส

การทดลองปลูกในแปลง เกษตรกร โครงการ วิจัยความมั่นคงทางอาหาร (ปี2565-67) 6 ชุมชน ใน จ. พัทลุง ปัตตานี สตูล ยะลา สงขลา นอกจากนั้น สวพ.8 จะได้บูรณาการกับมหาวิทยาลัยทักษิณพัทลุง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกับหน่วยงานต่าง ๆ โดย สวพ.8 จะสนับสนุนการรับรองมาตรฐาน GAP / Organic และการเทคโนโลยีการผลิตเพื่อให้ได้กระท่อมคุณภาพที่จะวัตถุดิบทางการแพทย์และอุตสาหกรรมต่อไป

นอกจากนี้ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้มาเป็นประธานการลงนามความร่วมมือระหว่าง สถาบันวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  กับ บริษัทไทยอิสเทิร์นออแกนิก้าจำกัด ภายใต้การร่วมมือกับ กรมวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดชลบุรี มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก และวิสาหกิจชุมชนของจังหวัดชลบุรี  

ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการบูรณาการงานพัฒนากระท่อมต่อไป โดยจะมีกิจกรรม เช่น การปลูก การรับรองมาตรฐาน การแปรรูป การพัฒนาโรงงานต้นแบบในการผลิตสารสกัดมาตรฐานจากสมุนไพรเพื่อใช้ในทางการแพทย์และอาหารที่ได้ม่ตรฐาน GMP  ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีการจัดทำแปลงต้นแบบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

ด้านการตลาดปัจจุบันอินโดนีเซียจะมีการส่งออกมากที่สุด ในปี2563 มีการส่งออกกระท่อม มายังไทย 30 ตัน มูลค่า 23,140 $  ทั้งนี้กระท่อมไทยถือว่าเป็นกระท่อมที่มีชื่อเสียงในตลาดโลก

จากข้อมูลการวิเคราะห์สารสำคัญของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์พบว่ามีสารสำคัญไมทราไจนีน (Mitragynine) สูงประมาณ 14,000- 15,000 mg/kg ซึ่งสูงกว่าตัวอย่างจากต่างประเทศ

จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดี ของไทยในการพัฒนา อย่างไรก็ตามปริมาณสารสำคัญจะขึ้นกับสายพันธุ์ การขยายพันธ์ การใส่ปุ๋ย ให้น้ำ แสง สภาพแวดล้อมการปลูก และการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งเกษตรกรจะต้องพิจารณาประเด็นเหล่านี้ประกอบการพิจารณาในการจัดการสวนกระท่อม

และในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC  ในครั้งที่จะถึงนี้กรมวิชาการเกษตรจะได้มีการนำประเด็นกระท่อมเข้าไปนำเสนอในที่ประชุมด้วย

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นชอบร่วมกันในการที่จะร่วมบูรณาการงานวิจัยและพัฒนาระหว่างกรมวิชาการเกษตร กับ มหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และชุมชนที่จะมีขึ้นในโอกาสต่อไป

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
www.taekpradennews.com
www.taekpradennews.com