ธ.ก.ส. ส่งเสริมการสร้างเกษตรกรหัวขบวนและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร นำ 10 เกษตรกร บุก ซินเจียง ศึกษาดูงานนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเสริมทักษะความรู้ความสามารถ พัฒนาศักยภาพ สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ดี

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยภายหลังนำเกษตรกรหัวขบวน 10 กลุ่มภาคการเกษตร ศึกษาดูงานการทำเกษตรอัจฉริยะ ณ เขตปกครองตนเองซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า 

ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้การสนับสนุนเกษตรกรลูกค้าอย่างรอบด้าน ทั้งแหล่งเงิน ยกระดับการเรียนรู้ ต่อยอดสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานสากล ด้วยการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาบริหารจัดการการผลิตและการตลาด เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่ จำเป็นต้องพึ่งพาเกษตรกรหัวขบวนที่เป็นผู้นำชุมชน สามารถยกระดับการผลิตของเกษตรกร ผ่านการศึกษาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรด้วยเครื่องจักร และอุปกรณ์ทางการเกษตรแบบอัจฉริยะ ที่นำการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม AI มาผสมผสาน พื้นที่เกษตรกรรมในการเพาะปลูกผสมพันธุ์สัตว์เศรษฐกิจรวมถึงการจัดการน้ำ มาประยุกต์เข้ากับเกษตรของไทย เชื่อมั่นว่าเกษตรกรจะนำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมด้านเกษตรของไทยให้ก้าวหน้าสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ 

นายสายนธี ธรรมะ ผู้จัดการแปลงใหญ่มะม่วงที่ผลิตทั้งในและนอกฤดู ชุมนบ้านมาบเหียง จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า จากการได้มาศึกษาดูงานที่ ซินเจียงในครั้งนี้ ได้มุมมองใหม่ที่แตกต่าง ในการบริหารจัดการพื้นที่การเกษตรขนาดเล็กแต่สามารถให้ผลผลิตได้มากกว่าถึง 10 เท่าเนื่องจากมีนวัตกรรมใหม่ๆมาช่วย อย่างเช่นการปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน สามารถลดต้นทุนอย่างเรื่องของการกำจัดวัชพืช ที่ช่วยประหยัดเวลาได้ รวมถึงการควบคุมคุณภาพ การควบคุมอุณหภูมิ ที่ทำได้ดี อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่โดยการปลูกแนวตั้ง ทำให้มีผลผลิตที่ได้มากขึ้น หากนำไปใช้เมืองไทยก็สามารถทำได้ แต่ต้นทุนก็จะสูงขึ้น
แต่จะสามารถนำไปปรับใช้ได้กับภาคเกษตรของไทยได้ในระยะยาว

นางประหยัด ปานเจริญ จากชุมชนอุดมสุข บ้านหัวอ่าว จ.นครปฐม หนึ่งในเกษตรหัวขบวนที่ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงาน กล่าวว่า จากการที่ได้มาดูงานในศูนย์เกษตรซินเจียงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการผลิต การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเกษตรกรด้วยกัน ได้มุมมองและแนวคิดที่จะนำไปต่อยอดการผลิตในกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น อย่างที่กลุ่มทำฝรั่งแปลงใหญ่ ได้เห็นวิธีการห่อ วิธีการรดน้ำ สามารถประหยัดแรงงาน ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ ได้เห็นการปลูกผักอัจฉริยะในโรงปลูกที่ทันสมัย สามารถนำไปดัดแปลงใช้กับการปลูกผักในมุ้ง โดยเฉพาะเรื่องของการปรับอุณหภูมิ ที่ทำยังไงให้อากาศพอดีกับพืชที่ปลูก ที่ทางกลุ่มได้มีการทำอยู่แล้ว ตรงน่านี้จะช่วยให้ทางกลุ่มสามารถปลูกผักคุณภาพดีได้ตลอดทั้งปี 
เช่นเดียวกับนางสำรวย ศรีมะเรือง จากชุมชนบ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ได้เห็นการผลิตการปลูกผักด้วยการเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยลดการใช้แรงงาน หากมีการนำเอาไปปรับใช้ในขุมชนน่าจะเป็นการปรับปรุงดิน น้ำ แสง รวมถึงการใช้สารเคมี ที่ต้องมีการพัฒนา ประยุกต์ใช้ของที่มีให้เป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะลำใยที่ทางกลุ่มมีการรวมตัวกันปลูกเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ จะช่วยให้มีผลผลิตได้ดียิ่งขึ้น

นายวิวัฒน์ ฟักทอง จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะเห็ด บ้านท่าช้าง จ.พิษณุโลก บอกว่า จากการได้มาดูงานในครั้งนี้ สิ่งที่จะนำไปปรับประยุกต์ใช้คือการจัดระเบียบพื้นที่ อย่างที่ฟาร์มโคนม ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ มีโซนนิ่งต่างๆอย่างชัดเจน มีโซนเด็ก มีป้ายต่างๆอย่างชัดเจนที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยว คนที่เข้าเรียนรู้งาน สามารถเข้ามาใช้บริการได้อย่างสุขใจ รวมถึงศูนย์เกษตรซินเจียงที่เป็นปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ ที่นำระบบไอทีเข้ามาจัดการในการผลิต สามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาปรับใช้ได้ในกลุ่มเพาะเห็ดได้เป็นอย่างดี 

น.ส.จุฑามาศ เจริญชัยรัตนะ จากชุมชนบ้านกุดหมากไฟ จ.อุดรธานี บอกว่า ชุมชนกกหมากไฟนั้นทำเรื่องของมะม่วง ทั้งผลสดและแปรรูป จากการมาศึกษาดูงาน ได้เห็นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ เช่น เรื่องของการบินโดรนเพื่อการเกษตร เนื่องจากทางกลุ่มมีการปลูกมะม่วงหลายร้อยไร่ หากมีการนำโดรนมาช่วยรดน้ำ ใส่ปุ๋ย จะทำให้เกษตรกรลดเวลาในการทำงานได้ดีขึ้น จะช่วยพัฒนาต่อผลผลิตอย่างมะม่วงให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นได้

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. พร้อมผลักดันการขยายโอกาสทางธุรกิจให้สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) เพื่อส่งเสริมการสร้างเกษตรกรหัวขบวนและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยการเสริมทักษะความรู้ความสามารถ พัฒนาศักยภาพ สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวม การผลิต การแปรรูป พัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการตลาด เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจเดิมหรือเพิ่มธุรกิจใหม่ได้ โดยตั้งเป้าหมายปีบัญชี 2568 จะมีสถาบันเกษตรกร และ สกต. เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 35 แห่ง และคาดว่าจะมีเกษตรกรสมาชิกไม่น้อยกว่า 1.75 ล้านคน ได้รับโอกาสทางธุรกิจและสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจของผลิตภัณฑ์หรือรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ภายในสิ้นปีบัญชี 2568 รวมถึงสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจภาคการเกษตร โดยตั้งเป้าหมายสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจ ไม่น้อยกว่า 90 คู่ 
เกิดปริมาณการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,900 ล้านบาท และต่อยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไปยังตลาดต่างประเทศในระยะต่อไป ซึ่ง ธ.ก.ส. มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนต่อไป
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
www.taekpradennews.com
www.taekpradennews.com