กระเป๋ากาบกล้วย ตานีสยาม นวัตกรรมใหม่ เพิ่มมูลค่าจากพืชเกษตร สู่สายตาชาวโลก ธ.ก.ส. พร้อมเสริมทุนผ่านสินเชื่อชุมชนธุรกิจสร้างไทย

กระเป๋าลายสวยๆจากกาบกล้วย ที่นำมารังสรรค์ ต่อยอด พัฒนา เพิ่มคุณค่าให้กับพืชเกษตร อย่าง กล้วย ที่นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถพัฒนาสู่ความสวยงาม เป็นสินค้า แฟชั่นได้เป็นอย่างดี 


นายธนกร สดใส ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี บอกว่า  ตานีสยาม Tanee Siam  เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากต้นกล้วยสายพันธุ์ตานี ได้มีการนำต้นกล้วยที่มีอยู่ในชุมชนมาแปรรูปเป็น หนังทดแทน ที่มีคุณสมบัติเด่นคือ กันน้ำ กันเชื้อรา อีกทั้งยังมีสีสันที่สวยงาม แตกต่างกันออกไปตามฤดูกาล คือ หน้าหนาวได้สีขาว หน้าฝนได้สีดำ และหน้าแล้งเป็นสีเข้มจัดจ้าน มีสี ลาย ที่ชัดเจนตามธรรมชาติของกล้วย ที่มีลายเส้น สี อันเป็นเอกลักษณ์ของกล้วย


ส่วนแนวคิดที่นำกาบกล้วย มาผลิตเป็นสินค้านั้น เนื่องจากคนในชุมชนเป็นสกุลแทงหยวก สกุลบายศรี และตนเองเป็นรุ่นที่4 อีกทั้งได้ไปศึกษาเล่าเรียนจบการศึกษาเทคโนโลยีเคมีสิ่งทอ จึงได้นำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ ที่คิดว่าน่าจะสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตัวเองและคนในชุมชนได้มากกว่าขายกล้วย ขายใบตอง เพียงอย่างเดียว รายได้เข้ากลุ่มปีละกว่า 6 ล้าน 


สำหรับกล้วยที่ใช้นั้น เป็นกล้วยตานี ที่ปลูกกันมาก โดยกล้วยตานีที่จะนำมาผลิตเป็นสินค้านั้น ต้องปลูกแบบอินทรีย์เท่านั้น แบรนด์ตานี ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก เพราะในขั้นตอนการผลิตไม่ได้มีการฟอกย้อม แต่ใช้การตากแดดธรรมชาติ ไม่มีการใช้สารเคมีในการทำกระบวนการสี สีสัน ลวดลาย ทั้งหมดเกิดขึ้นจากธรรมชาติสร้างสรรค์ หากใช้สารเคมี ลวดลายเหล่านี้ก็จะหายไป  


ปัจจุบัน ตานีสยาม มีผลิตภัณฑ์จากกาบกล้วย เป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ รวมถึงยังรับผลิตสินค้าให้กับหน่วยงาน องค์กรต่างไปด้วย ทั้งยังได้รับการสนับสนุนทุนต่อยอดจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส . ที่เข้ามาช่วยให้ทุนพัฒนาสินค้า ให้หลากหลายมากขึ้น ผ่านสินเชื่อชุมชนธุรกิจสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย 0.01 ต่อปี รวมถึงช่องทางการตลาดที่นอกจะจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังขยายออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย และที่สำคัญยังเคยได้รับรางวัลชนะเลิศ BAAC The Idol ประเภททีม ด้านเกษตรแปรรูป จากโครงการNew Gen Hug บ้านเกิด ปี 2020 เป็นโครงการดีดีจากทาง ธ.ก.ส. ที่จัดขึ้นในทุกๆปี  


ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มีการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยออกไปอีก 3 ปีจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี ระยะเวลา 3 ปีแรกนับแต่วันกู้ โดยรัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปคิดอัตราดอกเบี้ยตามเกณฑ์ปกติของ ธ.ก.ส. เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยน พัฒนาการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมในห่วงโซ่การผลิต หรือดำเนินการตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจใหม่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Model) ภายใต้แนวทางเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 


ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอรับการสนับสนุนสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
www.taekpradennews.com
www.taekpradennews.com