วช. หนุน วว. พัฒนาระบบการผลิตเบญจมาศปลอดโรคเชิงพาณิชย์ ในงาน เบญจมาศบานในม่านหมอก ครั้งที่ 20

 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมงาน “เบญจมาศบานในม่านหมอก ครั้งที่ 20” ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสนับสนุนผลงาน“การผลิตพันธุ์เบญจมาศปลอดโรคเชิงพาณิชย์” ของนักวิจัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ภายใต้การสนับสนุนทุนจาก วช. เพื่อสร้างอุตสาหกรรมการผลิตเบญจมาศที่มั่นคงแก่เกษตรกรไทย

ผศ.ดร.ณัฐพงค์ จันจุฬา นักวิจัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) หัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า ดอกเบญจมาศ เป็นไม้ดอกที่นิยมปลูกเป็นไม้เศรษฐกิจ มีมูลค่าการผลิตติดอันดับ 1 ใน 4 อันดับแรกของไม้ตัดดอกทั่วโลก มียอดการซื้อขายทั่วโลกปีละหลายพันล้านบาท แต่ปัญหาหลักๆ ที่พบ คือ ระบบการพัฒนาสายพันธุ์เบญจมาศและระบบการผลิตต้นกล้า โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้เล็งเห็นความสำคัญและปัญหาของเกษตรกรไทย ในการเพาะพันธุ์ไม้ดอกเบญจมาศ ที่มีการใช้ต้นพันธุ์เก่ามาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ต้นเบญจมาศมีความอ่อนแอต่อโรคและแมลง เมื่อได้มีการทำวิจัยพันธุ์ดอกเบญจมาศ และส่งต่อให้เกษตรกรนำไปปลูก จึงทำให้เกิดผลผลิตดอกเบญจมาศที่แข็งแรง ลดต้นทุนการดูแลจัดการ และลดความกังวลของเกษตรกรลงไปได้ อีกทั้ง สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายดอกเบญจมาศได้มากขึ้น 20 – 70% และมีคุณภาพตรงตามความต้องการของลูกค้า

โดยทีมวิจัยได้นำตัวอย่างพันธุ์เบญจมาศมาวิเคราะห์หาสาเหตุตัวก่อโรค ที่แปลงปลูกและแม่พันธุ์ ก่อนนำเข้าตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ได้พันธุ์เบญจมาศที่ปราศจากเชื้อรา แบคทีเรีย และเชื้อไวรัสที่เกิดจากการสะสมในแปลงปลูกมาเป็นระยะเวลานาน จากนั้นจึงทำการเพาะเลี้ยงกลีบดอกเบญจมาศในหลอดทดลอง จนกลีบดอกพัฒนาเป็นต้นอ่อน จึงทำการตรวจโรคด้วยเทคนิค RT-PCR  เพื่อตั้งแม่พันธุ์ที่ปลอดโรค และขยายพันธุ์เพิ่มจำนวน พร้อมย้ายต้นพันธุ์ออกสู่ Clean Nursery เกิดเป็นต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพ สมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรค ก่อนมอบให้กับเกษตรกรกว่า 60 ราย ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เลย อุดรธานี อุบลราชธานี และนครราชสีมา เพื่อทำการคัดเลือกและประเมินพันธุ์ที่เหมาะสมกับตลาดและผู้บริโภค นำไปสู่การผลิตเบญจมาศปลอดโรคสู่เชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน

ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว.  กล่าวว่า เบญจมาศมีการส่งออกเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ส่วนมากเป็นพันธุ์ที่มีลิขสิทธิ์มาจากต่างประเทศ ที่เป็นคอขวดของประเทศไทยอยู่ แต่ทางนักวิจัยได้พยายามพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ให้เป็นพันธุ์ของไทยเอง โดยเฉพาะเรื่องความเหมาะสมการเจริญเติบโตกับสภาพอากาศของประเทศไทย ที่จะมีลักษณะของตัวดอกหรือตัวของช่อดอกที่จะแตกต่างไปจากท้องตลาด เกิดความแปลกใหม่เป็นที่ต้องการของตลาด มีการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ โดยการทำให้เกิดการก่อกลายพันธุ์โดยใช้เทคโนโลยีทางด้านนิวเคลียร์ ด้วยการฉายรังสี พอเกิดการกลายพันธุ์มีการคัดเลือกพันธุ์โดยผู้ส่งออก รวมถึงผู้ที่นำไปใช้ประโยชน์อย่างนักจัดดอกไม้ เจ้าของโรงแรม หรือผู้ที่ทำงานด้านการตลาดดอกไม้ จะเข้ามาเป็นผู้คัดเลือกพันธุ์  เมื่อคัดเลือกได้แล้ว นักวิจัยจะใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลือกสายพันธุ์ที่ปลอดโรค นำไปปลูกในพื้นที่ที่มีสภาพที่เหมาะสม พร้อมจะออกดอกที่มีคุณภาพต่อไป นอกจากเบญจมาศตัดดอกแล้ว วว. ยังได้พัฒนาเบญจมาศกระถางเพื่อนำไปประดับอีกด้วย

นายเกียรติศักดิ์ กตกุลสัญญา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา คลัสเตอร์ไม้ดอกไม้ประดับของจังหวัดนครราชสีมา ที่ปลูกเบญจมาศมานานกว่า 20 ปี เล่าอีกว่า แต่ก่อนเกษตรกรเราปลูกแต่เบญจมาศสายพันธุ์เดิมๆ แต่เมื่อ วว.และ วช.ได้เข้ามาให้ความรู้และแนะนำสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ปลอดโรค จนประสบผลสำเร็จ เกษตรกรจึงมีรายได้เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 100,000 บาทต่อไร่ ซึ่งเบญจมาศมีการปลูกหลายรุ่น จึงสร้างรายได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งผู้บริโภคมีความต้องการใช้อยู่ตลอด แต่จำนวนผู้ปลูกมีน้อย การปลูกเบญจมาศในเชิงพาณิชย์จึงสามารถเติบโตได้อีกไกล โดยสายพันธุ์ใหม่ของ วว.ที่เกษตรกรปลูกอยู่ ได้แก่ โมนา  ขาวญี่ปุ่น  คาเมล และ F44 เป็นต้น ซึ่งการเพาะเนื้อเยื่อไว้จำนวนหลายร้อยพันธ์ุของ วว. จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมเบญจมาศของไทย

ทั้งนี้ เกษตรกรกว่า 20 ราย ในพื้นที่ตำบลไทยสามัคคี ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมประจำปี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสลมหนาว และบรรยากาศทุ่งดอกเบญจมาศ ในงาน “เบญจมาศบานในม่านหมอก ครั้งที่ 20” ระหว่างวันที่ 11 -20 กุมภาพันธ์ 2565 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว 



ซึ่ง วว. และ วช. ภายใต้แผนโครงการ “การพัฒนาศักยภาพการผลิต และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิต ลิเซียนทัส เบญจมาศและไทร พ.ศ.2563-2564” ได้ให้การสนับสนุนต้นพันธุ์เบญจมาศปลอดโรคกว่า 20,000 ต้น เพื่อใช้เป็นแม่พันธุ์ทดแทนสายพันธุ์เดิมที่อ่อนต่อโรคแก่เกษตรกร และเป็นแม่พันธุ์ใหม่ในกระบวนผลิตเป็นเบญจมาศตัดดอก พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของอำเภอวังน้ำเขียวได้ต่อไป

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
www.taekpradennews.com
www.taekpradennews.com