อนุทิน หนุนองค์กร สร้างรูปธรรมสังคมสุขภาวะ ในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 14

 วันที่ 16 ธันวาคม 2564  สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 14 พ.ศ. 2564 ณ หอประชุมใหญ่ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร  ภายใต้ประเด็น พลังพลเมืองตื่นรู้  สู้วิกฤตสุขภาพ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.)   เป็นประธานในพิธีเปิด  และได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “พลังพลเมืองตื่นรู้ พาไทยสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน” ว่า โควิด-19 ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศไทยสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน ที่ต้องตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันและไม่ลิดรอนความสามารถของคนรุ่นหลัง การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนตาม 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ความครอบคลุมทางสังคม การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการคุ้มครองทางสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินการเชื่อมโยงใน 5 มิติ ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) นั่นคือการพัฒนาคน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง สันติภาพและความยุติธรรม และที่สำคัญคือความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา โดยทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายในปี ค.ศ. 2030 ตามกรอบการพัฒนาของโลกภายใต้หลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่จะใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ในช่วงปี 2566-2570 ที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับการจัดกระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่สร้างการมีส่วนร่วมหลากหลาย เกิดกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะที่ดีและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน และจะนำไปสู่การสร้างพลังของพลเมืองที่ตื่นรู้ ที่จะพาประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤตและสู่สุขภาวะได้อย่างยั่งยืน  

ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และประธาน คสช. ยินดีที่จะสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำนโยบายสาธารณะที่เกิดขึ้นจากงานสมัชชาสุขภาพฯ ไปสู่การดำเนินการที่เป็นรูปธรรม และเชื่อว่าความเห็นร่วมที่แสดงออกผ่านถ้อยแถลงของผู้แทนหน่วยงาน องค์กร และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จะนำไปสู่เป้าหมายในการสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน นายอนุทิน กล่าว

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในอดีตจนถึงปัจจุบันว่า นับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งมีการจัดงานสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีมติสมัชชาสุขภาพฯ แล้ว 87 มติ เมื่อรวมกับที่ได้รับฉันมติเพิ่มเติมในงานสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 14 อีก 3 มติ จะรวมเป็น 90 มติ โดยที่ผ่านมา คมส. ได้จัดกลุ่มมติสมัชชาสุขภาพฯ ออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามและวางแนวทางการขับเคลื่อน ทั้งนี้ ได้แก่ 1. มติสมัชชาสุขภาพฯ ที่มีการขับเคลื่อนและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยกระบวนการและ กลไกนโยบายที่มีอยู่ (Achieved) จำนวน 36 มติ 2. มติสมัชชาสุขภาพฯ ที่กำลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง (On-going) จำนวน 34 มติ 3. มติสมัชชาสุขภาพฯ ที่ทำการทบทวนมติเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ (To be revisited) จำนวน 4 มติ และ 4. มติที่ควรยุติการรายงานการขับเคลื่อน 13 มติ


สำหรับงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ 2564 ครั้งที่14 วันนี้จัดเป็นวันที่สอง โดยในวันแรกนั้น สมาชิกสมัชชาสุขภาพฯ ได้ให้ฉันทมติและรับรองข้อมติ 3 ในระเบียบวาระ ได้แก่ 1. การสร้างเสริมสุขภาวะสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในวิกฤตโควิด-19 2. การคุ้มครองการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มประชากรเฉพาะในภาวะวิกฤตอย่างเป็นธรรม 3. การจัดการการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วมในวิกฤตสุขภาพ โดยมีหัวหน้าหน่วยงานราชการ องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ทั้งจากส่วนกลางและจังหวัดต่างๆ รวม 60 แห่ง ได้ร่วมกันขึ้นกล่าวถ้อยแถลงพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพฯ ทั้ง 3 มติ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ภายในงานวันที่สอง ยังมีกิจกรรมต่างๆเช่น การรายงานความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพฯ ที่ผ่านมา โดย ศ.คลินิก นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองประธานกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) การบรรยายเรื่อง สุขภาพองค์รวม จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” โดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุ แห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ฯ และเวทีทัศน์ทิศทางโลก ทิศทางไทย: โอกาสและความท้าทาย โดยมีผู้ร่วมงานผ่านทาง onsite และ online เป็นจำนวนมาก

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
www.taekpradennews.com
www.taekpradennews.com